ประโยชน์ของบีทรูท บีทรูท หรือหัวบีทที่หลายคนรู้จักในชื่อ “หัวบีทแดง” เป็นผักรากสีแดงม่วงสดใสที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรักสุขภาพทั่วโลก ด้วยสีสันที่โดดเด่นและรสชาติหวานอมเปร้ว บีทรูทไม่เพียงแต่เพิ่มสีสันให้กับจานอาหารเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ ประโยชน์ของบีทรูท ทั้ง 12 ข้อที่จะทำให้คุณอยากเพิ่มผักชนิดนี้เข้าไปในรายการอาหารประจำวันของคุณทันที พร้อมวิธีการบริโภคที่หลากหลายเพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุด
บีทรูทคืออะไร?
บีทรูท (Beetroot) หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Beta vulgaris เป็นผักรากที่มีถิ่นกำเนิดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีลักษณะเป็นหัวกลมสีแดงม่วงเข้ม บางสายพันธุ์อาจมีสีชมพู สีเหลือง หรือแม้กระทั่งสีขาว
ในอดีต ชาวกรีกและชาวโรมันโบราณใช้บีทรูททั้งเป็นอาหารและยารักษาโรค โดยเฉพาะสำหรับปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและเลือด ปัจจุบันบีทรูทได้รับการยอมรับว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
สารอาหารสำคัญในบีทรูท 100 กรัม ประกอบด้วย:
- พลังงาน: 43 แคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต: 9.6 กรัม
- โปรตีน: 1.6 กรัม
- ไฟเบอร์: 2.8 กรัม
- โฟเลต: 20% ของความต้องการต่อวัน
- แมงกานีส: 16% ของความต้องการต่อวัน
- โพแทสเซียม: 9% ของความต้องการต่อวัน
- วิตามินซี, เหล็ก, และแมกนีเซียม
นอกจากนี้ บีทรูทยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะเบตาเลน (Betalains) ซึ่งเป็นสารให้สีแดงม่วงและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ทรงพลัง
12 ประโยชน์ของบีทรูทที่น่าประทับใจ
1. ช่วยลดความดันโลหิต
หนึ่งในประโยชน์ที่โดดเด่นที่สุดของบีทรูทคือความสามารถในการช่วยลดความดันโลหิต การศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่าการดื่มน้ำบีทรูทสามารถลดความดันโลหิตได้ 4-10 มิลลิเมตรปรอท ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
กลไกการทำงาน: บีทรูทอุดมไปด้วยไนเตรต (Nitrate) ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) สารนี้ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และความดันโลหิตลดลง
สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง การดื่มน้ำบีทรูท 250 มิลลิลิตรต่อวันอาจช่วยควบคุมความดันได้อย่างเห็นผลชัด แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหากคุณกำลังรับประทานยาลดความดัน
2. เพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย
นักกีฬาและคนรักการออกกำลังกายหลายคนหันมาใช้บีทรูทเป็นอาหารเสริมธรรมชาติเพื่อเพิ่มสมรรถภาพ การศึกษาพบว่าไนเตรตในบีทรูทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็นโรงงานผลิตพลังงานในเซลล์
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด:
- เพิ่มความอดทนในการออกกำลังกายได้ถึง 16%
- ใช้ออกซิเจนน้อยลงในระหว่างการออกกำลัง
- ลดความเหนื่อยล้าและฟื้นตัวเร็วขึ้น
- เพิ่มความเร็วและพลังในการแข่งขัน
นักวิ่งมาราธอนและนักปั่นจักรยานหลายคนดื่มน้ำบีทรูท 2-3 ชั่วโมงก่อนการแข่งขันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
3. บำรุงสมองและป้องกันสมองเสื่อม
ไนตริกออกไซด์จากบีทรูทไม่เพียงช่วยหัวใจ แต่ยังดีต่อสมองด้วย การศึกษาพบว่าบีทรูทช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง โดยเฉพาะบริเวณที่เกี่ยวข้องกับการคิด การจำ และการตัดสินใจ
สำหรับผู้สูงอายุ การรับประทานบีทรูทเป็นประจำอาจช่วย:
- ชะลอความเสื่อมของสมอง
- เพิ่มความคมชัดในการคิดและจำ
- ลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
- ปรับปรุงอารมณ์และลดภาวะซึมเศร้า
4. ต้านการอักเสบในร่างกาย
การอักเสบเรื้อรังเป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง และเบาหวาน บีทรูทมีสารเบตาเลนที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่แรงกล้า
การศึกษาในผู้ป่วยไตพบว่าการดื่มน้ำบีทรูทช่วยลดเครื่องหมายการอักเสบในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ สารเหล่านี้ยังช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ
บีทรูทจึงเหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่มีโรคข้ออักเสบ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบ
- ผู้ที่ต้องการป้องกันโรคเรื้อรัง
- ผู้ที่ออกกำลังกายหนักและต้องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
5. ช่วยระบบย่อยอาหารและดูแลลำไส้
บีทรูทเป็นแหล่งใยอาหารที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำซึ่งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ใยอาหาร 100 กรัมของบีทรูทให้ใยอาหารประมาณ 2-3 กรัม
ประโยชน์ต่อระบบย่อย:
- ช่วยป้องกันและบรรเทวอาการท้องผูก
- เลี้ยงแบคทีเรียดีในลำไส้
- ลดความเสี่ยงของโรคลำไส้ใหญ่
- ช่วยให้อิ่มนานและควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น
ใยอาหารในบีทรูทยังทำหน้าที่เป็น “พรีไบโอติก” ที่เลี้ยงแบคทีเรียดีในลำไส้ ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวม
6. ช่วยดีท็อกซ์ตับและไต
บีทรูทเป็นที่รู้จักในฐานะ “ผักดีท็อกซ์” ที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะในตับและไต สารเบตาเลนช่วยกระตุ้นการทำงานของตับในระยะที่ 2 ของการล้างพิษ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการขับสารพิษออกจากร่างกาย
นอกจากนี้ บีทรูทยังช่วย:
- ลดการสะสมของไขมันในตับ
- ป้องกันโรคตับแข็ง
- ช่วยไตกรองของเสียได้ดีขึ้น
- ลดความเสี่ยงของนิ่วในไต
สำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหรือได้รับสารพิษจากสิ่งแวดล้อม การรับประทานบีทรูทเป็นประจำจะช่วยให้ตับและไตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
ด้วยคุณสมบัติหลากหลายที่กล่าวมา บีทรูทจึงเป็นอาหารที่ดีต่อหัวใจ การศึกษาพบว่าการรับประทานบีทรูทเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้หลายทาง
กลไกการปกป้องหัวใจ:
- ลดความดันโลหิตและลดภาระงานของหัวใจ
- ลดการอักเสบของหลอดเลือด
- ลดระดับโคเลสเตอรอลเลวในเลือด
- ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
- เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด
การดื่มน้ำบีทรูท 250 มิลลิลิตรต่อวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์สามารถปรับปรุงสุขภาพหลอดเลือดได้อย่างเห็นผล
8. ช่วยควบคุมน้ำหนักและลดไขมัน
หากคุณกำลังพยายามลดน้ำหนัก บีทรูทเป็นอาหารที่ควรเพิ่มเข้าไปในแผนอาหาร ด้วยแคลอรี่ต่ำแต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง บีทรูทช่วยให้คุณอิ่มนานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรี่เกิน
เหตุผลที่บีทรูทช่วยลดน้ำหนัก:
- มีแคลอรี่ต่ำเพียง 43 แคลอรี่ต่อ 100 กรัม
- อุดมด้วยน้ำ (ประมาณ 87% ของน้ำหนัก)
- ใยอาหารสูงช่วยให้อิ่มนาน
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญ
- ลดความอยากอาหารหวาน
น้ำบีทรูทยังเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในหมู่คนที่ทำดีท็อกซ์หรือคลีนซิ่ง เพราะช่วยขับของเสียและให้พลังงานในเวลาเดียวกัน
9. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
บีทรูทอุดมไปด้วยวิตามินซี โฟเลต และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินซีช่วยกระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นเซลล์หลักในการต่อสู้กับเชื้อโรค
ประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกัน:
- ช่วยร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อ
- เร่งการสมานแผล
- ป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
- เพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีน
ในช่วงฤดูหนาวหรือเมื่อระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การดื่มน้ำบีทรูทสดๆ จะช่วยเสริมภูมิต้านทานได้ดี
10. บำรุงผิวพรรณให้สดใส
สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีในบีทรูททำให้ผักชนิดนี้เป็นเพื่อนที่ดีของผิวสวย การศึกษาพบว่าสารเบตาเลนช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ลดริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้น
ประโยชน์ต่อผิวหนัง:
- ลดริ้วรอยและจุดด่างดำ
- เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว
- ปกป้องผิวจากมลภาวะและรังสี UV
- ลดการอักเสบของสิว
- ช่วยสมานแผลและรอยแผลเป็น
บางคนใช้น้ำบีทรูททาหน้าเป็นมาส์กเพื่อผิวกระจ่างใสหรือผสมกับน้ำผึ้งเป็นมาส์กบำรุงผิว
11. ป้องกันและชะลอการเกิดมะเร็ง
แม้ว่าจะยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม แต่การวิจัยเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าบีทรูทอาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง สารเบตาเลนในบีทรูทแสดงให้เห็นว่าสามารถลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ในหลอดทดลอง
การศึกษาพบว่า:
- สารสกัดจากบีทรูทช่วยชะลอการเจริญของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก
- ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่
- เสริมฤทธิ์ของยาเคมีบำบัดบางชนิด
- ช่วยป้องกันความเสียหายของดีเอ็นเอ
การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเช่นบีทรูทเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันมะเร็งในระยะยาว
12. บำรุงเลือดและป้องกันโรคโลหิตจาง
บีทรูทอุดมไปด้วยเหล็กและโฟเลต ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง สำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจางหรือผู้หญิงตั้งครรภ์ บีทรูทเป็นอาหารที่ดีในการเสริมเลือด
โฟเลตในบีทรูทมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ:
- การสร้างเม็ดเลือดแดงใหม่
- การพัฒนาของทารกในครรภ์
- การป้องกันความพิการแต่กำเนิดของระบบประสาท
- การสังเคราะห์ดีเอ็นเอ
หนึ่งถ้วยของบีทรูทให้โฟเลตประมาณ 20% ของความต้องการต่อวัน
วิธีรับประทานบีทรูทเพื่อประโยชน์สูงสุด
เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากบีทรูทอย่างเต็มที่ คุณสามารถรับประทานได้หลายรูปแบบ:
1. บีทรูทสด
ล้างให้สะอาด ปอกเปลือก แล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ ทานคู่กับสลัดหรือจิ้มน้ำสลัดโปรด การรับประทานบีทรูทสดจะได้รับสารอาหารครบถ้วนที่สุด
2. น้ำบีทรูทสด
วิธีที่นิยมมากที่สุดสำหรับนักกีฬาและคนรักสุขภาพ นำบีทรูทสดมาปั่นหรือคั้นเป็นน้ำ สามารถดื่มได้ทันทีหรือผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆ เช่น แอปเปิ้ล แครอท หรือขิง
สูตรแนะนำ: บีทรูท 1 หัว + แครอท 2 หัว + แอปเปิ้ล 1 ลูก + ขิงสด 1 นิ้ว
3. บีทรูทอบหรือย่าง
การอบจะทำให้บีทรูทมีความหวานมากขึ้นและเนื้อสัมผัสนุ่มลิ้น ห่อบีทรูทด้วยฟอยล์ อบที่ 200°C เป็นเวลา 45-60 นาที แล้วปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้น
4. บีทรูทต้ม
ต้มบีทรูททั้งหัวในน้ำเดือดประมาณ 30-40 นาที จนเมื่อแทงด้วยส้อมแล้วนุ่ม จากนั้นปอกเปลือกและใช้ในเมนูต่างๆ น้ำที่ต้มบีทรูทก็มีประโยชน์ สามารถเก็บไว้ดื่มหรือใช้ทำซุปได้
5. ผงบีทรูท (Beetroot Powder)
สำหรับคนที่ไม่มีเวลาเตรียมบีทรูทสด ผงบีทรูท เป็นทางเลือกที่สะดวกและให้ประโยชน์ไม่แพ้กัน ผงบีทรูททำจากบีทรูทที่ผ่านการอบแห้งและบดละเอียด เก็บรักษาสารอาหารและไนเตรตไว้ได้เกือบครบถ้วน
วิธีใช้ผงบีทรูท:
- ผสมกับน้ำเปล่า น้ำผลไม้ หรือนมเพื่อดื่ม
- ใส่ในสมูทตี้เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ
- ผสมในโยเกิร์ตหรือซีเรียลตอนเช้า
- ใช้ทำเบเกอรี่หรือขนมหวานเพื่อสีสันและคุณค่า
- โรยบนสลัดหรือผสมในน้ำสลัด
ข้อดีของผงบีทรูท:
- เก็บได้นาน ไม่เน่าเสีย
- สะดวกพกพา
- ใช้ได้ทันทีไม่ต้องเตรียม
- ให้ไนเตรตเข้มข้นกว่าบีทรูทสด
- ไม่มีรสชาติดินแบบบีทรูทสดมาก
หากคุณกำลังมองหาผงบีทรูทคุณภาพสูง เราแนะนำให้ลองผลิตภัณฑ์จาก Llamito ที่นี่ ที่ให้ความเข้มข้นของสารอาหารสูงและผลิตจากบีทรูทออร์แกนิก 100%
6. ใบบีทรูท
อย่าทิ้งใบบีทรูท! ใบของบีทรูทมีคุณค่าทางโภชนาการสูงไม่แพ้หัว สามารถนำมาผัดหรือลวกทานเหมือนผักใบเขียวทั่วไป
ข้อควรระวังในการรับประทานบีทรูท
แม้บีทรูทจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ:
1. ปัสสาวะและอุจจาระเปลี่ยนสี หลังจากทานบีทรูท คุณอาจพบว่าปัสสาวะหรืออุจจาระมีสีแดงหรือชมพู นี่เป็นเรื่องปกติและไม่ใช่เลือด เกิดจากเบตาเลนที่ร่างกายบางคนดูดซึมไม่หมด
2. นิ่วในไต บีทรูทมีออกซาเลทสูง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของนิ่วในไตสำหรับผู้ที่มีประวัติหรือมีแนวโน้มเป็นนิ่ว ควรจำกัดการรับประทานและดื่มน้ำมากๆ
3. ความดันโลหิตต่ำ หากคุณมีความดันโลหิตต่ำอยู่แล้ว การรับประทานบีทรูทในปริมาณมากอาจทำให้ความดันต่ำลงไปอีก
4. แพ้บีทรูท แม้จะหายาก แต่บางคนอาจแพ้บีทรูท อาการอาจรวมถึงผื่น คัน หรือแน่นหน้าอก
5. ปฏิกิริยากับยา หากคุณกำลังรับประทานยาลดความดันโลหิตหรือยาเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานบีทรูทเป็นประจำ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบีทรูท
ควรทานบีทรูทวันละเท่าไหร่? สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป การรับประทานบีทรูท 1-2 หัวต่อวัน หรือดื่มน้ำบีทรูท 250-500 มิลลิลิตรต่อวันถือว่าปลอดภัยและให้ประโยชน์ สำหรับผงบีทรูทแนะนำ 1-2 ช้อนชา (5-10 กรัม) ต่อวัน
ควรทานบีทรูทตอนไหนดีที่สุด? สำหรับการออกกำลังกาย ควรดื่มน้ำบีทรูท 2-3 ชั่วโมงก่อนออกกำลังเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สำหรับสุขภาพทั่วไป ทานตอนเช้าก่อนอาหารจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี
บีทรูทสดดีกว่าผงหรือไม่? ทั้งสองมีข้อดีต่างกัน บีทรูทสดมีใยอาหารและน้ำมากกว่า ในขณะที่ผงบีทรูทให้ความเข้มข้นของไนเตรตสูงกว่าและสะดวกกว่า ควรเลือกตามความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์
ทานบีทรูททุกวันปลอดภัยไหม? ปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ควรหมุนเวียนกับผักชนิดอื่นๆ และไม่ทานมากเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหานิ่วในไตหรือความดันต่ำ
บีทรูทช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ? บีทรูทช่วยสนับสนุนการลดน้ำหนักด้วยแคลอรี่ต่ำและใยอาหารสูง แต่ไม่ใช่ “ยาวิเศษ” ต้องประกอบกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายด้วย
สรุป
ประโยชน์ของบีทรูท นั้นมีมากมายและหลากหลาย ตั้งแต่การช่วยลดความดันโลหิต เพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย บำรุงสมอง ต้านการอักเสบ ไปจนถึงการดีท็อกซ์และบำรุงผิวพรรณ ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สมบูรณ์ บีทรูทจึงสมควรได้รับการยกย่องให้เป็นซูเปอร์ฟู้ดที่ควรมีในรายการอาหารของทุกคน
ไม่ว่าคุณจะเลือกรับประทานบีทรูทสด น้ำบีทรูทสด หรือผงบีทรูทที่สะดวกสบาย สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอ การรับประทานบีทรูทเป็นประจำจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพในระยะยาว
เริ่มต้นเพิ่มบีทรูทเข้าไปในชีวิตประจำวันของคุณวันนี้ และสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพด้วยตัวเอง หากคุณสนใจผลิตภัณฑ์ผงบีทรูทคุณภาพสูงที่สะดวกและให้ประโยชน์เต็มที่ แวะมาดูตัวเลือกจาก Llamito ที่นี่ ที่มีให้เลือกหลากหลายและราคาเหมาะสม