ประโยชน์ของผักเคล ในยุคที่คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ผักใบเขียวต่างๆ ก็เริ่มได้รับความนิยม โดยเฉพาะ “ผักเคล” (Kale) หรือที่หลายคนเรียกว่า “คะน้าใบหยัก” ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชินีแห่งผักใบเขียว” (Queen of Greens) และถือเป็นหนึ่งใน Superfood ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุดในโลก วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับประโยชน์มหาศาลของผักเคลที่คุณไม่ควรพลาด
ผักเคลคือะไร?
ผักเคล (Kale) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Brassica oleracea จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับผักกะหล่ำ บรอกโคลี และผักคะน้า มีลักษณะเป็นผักใบสีเขียวเข้มที่มีขอบใบหยักเป็นลอน บางสายพันธุ์อาจมีสีม่วงแดงปนอยู่ด้วย ผักชนิดนี้มีต้นกำเนิดจากทวีปยุโรปและได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพทั่วโลก โดยในประเทศไทยเริ่มมีการปลูกและจำหน่ายกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ในประเทศไทยนิยมปลูกผักเคลหลายสายพันธุ์ โดยที่พบมากที่สุดคือ
- Curly Kale (ผักเคลใบหยักสีเขียว) – มีใบหยักชัด ลำต้นแข็ง รสชาติติดขมเล็กน้อย
- Lacinato Kale หรือ Dinosaur Kale (ผักเคลไดโนเสาร์) – มีใบยาวเรียบ สีเขียวเข้ม รสชาติหวานกว่า
- Red Russian Kale (ผักเคลรัสเซีย) – มีก้านสีม่วงแดง รสชาติอ่อนโยน
คุณค่าทางโภชนาการของผักเคล
ผักเคลได้รับการยกย่องให้เป็น “Superfood” เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการที่โดดเด่นมาก ในผักเคลสด 100 กรัม จะให้พลังงานเพียง 33-50 กิโลแคลอรี่ แต่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารมากมาย ดังนี้
วิตามินและแร่ธาตุหลัก (% ของความต้องการต่อวัน)
- วิตามิน K: 684% – สูงที่สุดในบรรดาผักทั้งหมด
- วิตามิน A: 206% – จากเบต้าแคโรทีน
- วิตามิน C: 134% – มากกว่าส้มถึง 4.5 เท่า (120 มก. ในผักเคล 100 กรัม เทียบกับส้ม 53 มก.)
- วิตามิน B6: สูง
- แคลเซียม: มากกว่านมวัวเมื่อเทียบต่อแคลอรี่
- ธาตุเหล็ก: สูงกว่าเนื้อสัตว์
- แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, ทองแดง, แมงกานีส
สารอาหารพิเศษอื่นๆ
- ไฟเบอร์: 4.7 กรัมต่อ 1 ถ้วยตวง
- โปรตีน: สูง (เทียบกับผักอื่น)
- โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6
- สารต้านอนุมูลอิสระ: แคโรทีนอยด์, โพลีฟีนอล, ฟลาโวนอยด์
- ลูทีน และ ซีแซนทีน
- คลอโรฟิลล์: สูงมากเนื่องจากเป็นผักสีเขียวเข้ม
12 ประโยชน์ของผักเคลต่อสุขภาพ
1. วิตามิน K สูงสุดในโลก – ดีต่อกระดูกและเลือด
ผักเคลมีวิตามิน K สูงที่สุดในบรรดาผักทั้งหมด โดยการทานผักเคลเพียง 1 ถ้วย จะได้รับวิตามิน K ถึง 6 เท่าของความต้องการต่อวัน หรือกินแค่ 2 ต้น (ประมาณ 10-20 กรัม) ก็เพียงพอแล้ว
ประโยชน์ของวิตามิน K:
- ช่วยให้เลือดแข็งตัวได้ดี ป้องกันเลือดออกมาก
- ดีต่อเซลล์สมองและระบบประสาท
- เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ช่วยดูดซึมแคลเซียม
- ป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด
- สำคัญมากสำหรับผู้สูงอายุ
2. ต้านมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผักเคลอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง ได้แก่
- แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) – ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง
- โพลีฟีนอล (Polyphenols) – ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) – ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อม
- กลูโคซิโนเลต (Glucosinolates) – สารพิเศษที่มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งโดยตรง
นอกจากนี้ ผักเคลยังมีคลอโรฟิลล์สูง ซึ่งงานวิจัยพบว่าช่วยให้ร่างกายลดการดูดซึมสารก่อมะเร็งจากอาหารประเภทปิ้งย่าง (Heterocyclic Aromatic Amines) โดยคลอโรฟิลล์จะไปจับสารเหล่านี้แล้วขับออกจากร่างกาย
3. วิตามิน C สูงกว่าส้ม – เสริมภูมิคุ้มกัน
ผักเคล 100 กรัม มีวิตามิน C ถึง 120 มิลลิกรัม ในขณะที่ส้มมีเพียง 53 มิลลิกรัม ทำให้ผักเคลให้วิตามิน C มากกว่าส้มถึง 4.5 เท่า
ประโยชน์ของวิตามิน C ในผักเคล:
- ช่วยสร้างและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ป้องกันโรคหวัด และไข้หวัดใหญ่
- ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ลดริ้วรอย
- ช่วยระบบข้อต่อให้แข็งแรง
- เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก
คำแนะนำ: ควรทานผักเคลแบบสดๆ หรือปรุงอย่างไม่ผ่านความร้อนสูง เพราะวิตามิน C สลายตัวได้ง่ายด้วยความร้อน
4. ลดน้ำหนัก – ตัวช่วยสำหรับคนควบคุมน้ำหนัก
ผักเคลเป็นผักที่เหมาะมากสำหรับคนลดน้ำหนัก เพราะ
- แคลอรี่ต่ำมาก – เพียง 33 กิโลแคลอรี่ต่อ 100 กรัม
- ไฟเบอร์สูง – 4.7 กรัมต่อ 1 ถ้วย ช่วยให้อิ่มนาน
- ไม่มีไขมัน – เหมาะกับการควบคุมน้ำหนัก
- คาร์โบไฮเดรตต่ำ – มี Glycemic Index (GI) ต่ำ ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่ง
- โปรตีนสูง – ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
ไฟเบอร์ในผักเคลยังช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ทำให้ขับถ่ายคล่อง ลดปัญหาท้องผูก และช่วยดักจับไขมันป้องกันไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
5. ลดคอเลสเตอรอล – ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด
ผักเคลมีสารพิเศษที่ช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติ โดยงานวิจัยพบว่า
- เพิ่มคอเลสเตอรอล HDL (คอเลสเตอรอลดี)
- ลดคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอลเลว) ลงได้ถึง 10%
- มีลูทีนที่ช่วยลดระดับไขมันเลว LDL
ไฟเบอร์ในผักเคล (4.7 กรัมต่อ 1 ถ้วย) ยังช่วยดักจับคอเลสเตอรอลในลำไส้ ป้องกันไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
6. บำรุงกระดูกและฟัน – แคลเซียมสูงกว่านม
ผักเคลมีแคลเซียมสูงมากกว่านมวัวเมื่อเทียบกับปริมาณแคลอรี่ที่เท่ากัน โดยแคลเซียมในผักเคล 100 กรัม สามารถดูดซึมได้ดี ไม่มีแลคโตสที่บางคนแพ้
ประโยชน์ของแคลเซียมในผักเคล:
- เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก
- บำรุงกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน
- บำรุงฟันและเหงือก
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการกระดูกแข็งแรงแต่ไม่อยากเพิ่มน้ำหนัก
- เหมาะกับคนแพ้แลคโตสหรือคนทานมังสวิรัติ
7. บำรุงสายตา – ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม
ผักเคลอุดมไปด้วยลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ที่จอประสาทตา
ประโยชน์ต่อสายตา:
- ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-related Macular Degeneration)
- ลดความเสี่ยงของต้อกระจก
- ช่วยบำรุงสายตาให้แข็งแรง
- ลดอาการปวดล้าของดวงตาจากการใช้งานหนัก
- ช่วยกรองแสงสีน้ำเงิน (Blue Light) จากหน้าจอ
นอกจากนี้ผักเคลยังมีวิตามิน A สูง (206% ของความต้องการต่อวัน) ซึ่งจำเป็นต่อการมองเห็นในที่มืด
8. ดีท็อกซ์ล้างพิษ – ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
ผักเคลมีไฟเบอร์และซัลเฟอร์สูง จึงช่วยในการ
- กำจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย
- ดีท็อกซ์ลำไส้ และทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร
- ลดปัญหาโรคลำไส้อักเสบ
- กระตุ้นการทำงานของตับ ให้กรองสารพิษได้ดีขึ้น
- ช่วยขับถ่ายได้ง่าย ลดปัญหาท้องผูก
คลอโรฟิลล์ในผักเคลยังช่วยดับกลิ่นตัว และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
9. บำรุงเลือดและป้องกันโลหิตจาง
ผักเคลมีธาตุเหล็กสูง กว่าการทานเนื้อสัตว์ทั่วไป ร่วมกับวิตามิน C ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก
ประโยชน์:
- ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
- เลือดลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆ ได้ดีขึ้น
- ช่วยให้เซลล์เติบโต
- บำรุงการทำงานของตับ
- ป้องกันโรคโลหิตจาง
- เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือน
10. ลดการอักเสบในร่างกาย
ผักเคลมีโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ที่ช่วยลดการอักเสบของร่างกาย ทั้งการอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง
การอักเสบเรื้อรังเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ มากมาย เช่น
- โรคหัวใจ
- โรคมะเร็ง
- โรคเบาหวาน
- โรคข้ออักเสบ
- โรคผิวหนัง
การทานผักเคลเป็นประจำช่วยควบคุมภาวะอักเสบในร่างกายได้
11. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – ต้านโรคได้ดี
ด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระมากมายในผักเคล ทำให้
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- ช่วยให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรคได้ดีขึ้น
- ป้องกันโรคหวัดและโรคติดเชื้อ
- ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นจากการเจ็บป่วย
- ชะลอความเสื่อมของเซลล์
12. ควบคุมน้ำตาลในเลือด – ดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
ผักเคลมีค่า Glycemic Index (GI) ต่ำ และอุดมด้วยไฟเบอร์ ทำให้
- ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง
- ช่วยจัดการระดับอินซูลินให้ดีขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่มีความเสี่ยง
- ช่วยป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- สนับสนุนการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกาย
วิธีเลือกซื้อผักเคลที่ดี
เมื่อไปซื้อผักเคลที่ตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ควรเลือกดังนี้
- เลือกใบที่สดใหม่ – สีเขียวเข้ม ไม่เหลือง ไม่เหี่ยว
- เลือกต้นที่ใบแน่น – ไม่เป็นรูหรือมีรอยกัดของแมลง
- หลีกเลี่ยงผักเคลที่มีจุดดำ – อาจเป็นสัญญาณของการเสื่อมสภาพ
- เลือกต้นที่ก้านแข็งแรง – ไม่นิ่มหรือแฉะ
- หากเป็นไปได้เลือกแบบออร์แกนิก – ปลอดสารเคมี
ราคาผักเคล: ในประเทศไทย ผักเคลสดมีราคาประมาณ 200-300 บาทต่อกิโลกรัม หรือต้นกล้าอยู่ที่ 15-50 บาทต่อต้น ขึ้นอยู่กับแหล่งจำหน่ายและฤดูกาล
วิธีล้างและเก็บรักษาผักเคล
วิธีล้างผักเคลให้สะอาด
- แช่น้ำเกลือ – แช่ผักเคลในน้ำเกลือประมาณ 5-10 นาที เพื่อขจัดสารเคมีและแมลง
- ล้างน้ำไหล – ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง
- สะเด็ดน้ำ – ใช้เครื่องปั่นผัก หรือผ้าสะอาดซับน้ำให้แห้ง
- เด็ดก้านออก – หากก้านแข็งเกินไป สามารถเด็ดออกได้
วิธีเก็บรักษา
- แช่ตู้เย็น – ห่อด้วยกระดาษชุบน้ำแล้วใส่ถุงพลาสติก เก็บได้ 3-5 วัน
- อย่าล้างก่อนเก็บ – ล้างก่อนปรุงเท่านั้น จะทำให้เก็บได้นานขึ้น
- แช่แข็งได้ – ล้างสะอาด สะเด็ดน้ำ หั่นเล็กๆ แช่แข็งเก็บได้นานหลายเดือน
ผักเคล กินดิบได้ไหม?
ได้เลยครับ! ผักเคลสามารถทานดิบได้ และจะให้คุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุด เพราะไม่มีการสูญเสียวิตามินและเอนไซม์จากความร้อน
วิธีทานดิบ
- ทำสลัดผักเคล – หั่นผักเคลเป็นชิ้นเล็กๆ ราดน้ำสลัดที่ชอบ
- ปั่นน้ำผักหรือสมูทตี้ – ใส่ผลไม้เพื่อลดความขม
- ทานเป็นผักสด – เคียงกับน้ำพริกหรืออาหารไทย
เคล็ดลับ: ก่อนทำสลัด ควรนวดใบผักเคลด้วยน้ำมะนาวหรือน้ำมันมะกอก ประมาณ 1-2 นาที จะช่วยให้ใบนิ่มขึ้น ลดความขม และย่อยง่ายขึ้น
วิธีปรุงผักเคลให้อร่อยและได้ประโยชน์
1. ยำผักเคลกรอบกุ้งสด
วัตถุดิบ:
- ผักเคล 2 กำมือ
- กุ้งสด 10 ตัว
- มะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริก กระเทียม
วิธีทำ:
- ล้างผักเคลสะอาด เด็ดเป็นชิ้นพอดีคำ
- ลวกกุ้งให้สุก ปอกเปลือก
- ผสมเครื่องปรุงทำน้ำยำ
- คลุกผักเคลกับน้ำยำและกุ้ง พร้อมเสิร์ฟ
2. น้ำผักผลไม้ผักเคล (Green Smoothie)
วัตถุดิบ:
- ผักเคล 1 กำมือ
- กล้วยหอม 1 ลูก
- สับปะรด 1 ถ้วย
- น้ำเปล่าหรือนมอัลมอนด์ 1 ถ้วย
- น้ำผึ้งตามชอบ
วิธีทำ:
- ล้างผักเคลให้สะอาด
- ใส่ผักเคล ผลไม้ และน้ำลงเครื่องปั่น
- ปั่นจนเนียน เติมน้ำผึ้งตามชอบ
- เสิร์ฟทันที เพื่อรับวิตามิน C เต็มๆ
3. ผักเคลอบกรอบ (Kale Chips)
วัตถุดิบ:
- ผักเคล 200 กรัม
- น้ำมันมะกอก 1-2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือทะเล เครื่องเทศตามชอบ
วิธีทำ:
- ล้างผักเคล สะเด็ดน้ำให้แห้ง เด็ดก้านออก
- คลุกใบผักเคลกับน้ำมันมะกอกและเครื่องเทศ
- อบที่ 150-160 องศาเซลเซียส นาน 15-20 นาที จนกรอบ
- ทานเป็นของว่างทานเล่น
4. แกงจืดผักเคล
วัตถุดิบ:
- ผักเคล 2 กำมือ
- เต้าหู้หมัก หรือหมูสับ
- กระเทียม ซีอิ๊วขาว น้ำซุป
วิธีทำ:
- ตั้งน้ำซุปให้เดือด
- ใส่กระเทียมเจียว เต้าหู้หรือหมู
- ใส่ผักเคล ปรุงรส ต้มจนสุก
- ยกลงเสิร์ฟร้อนๆ
5. ผัดผักเคลน้ำมันมะกอก
วัตถุดิบ:
- ผักเคล 2 กำมือ
- กระเทียม 3-4 กลีบ
- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม เกลือ พริก
วิธีทำ:
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอก ผัดกระเทียมให้หอม
- ใส่ผักเคล ผัดไฟแรงรวดเร็ว 2-3 นาที
- ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม เกลือเล็กน้อย
- ตักใส่จานเสิร์ฟ
เคล็ดลับการปรุง: ไม่ควรปรุงผักเคลนานเกินไป เพื่อไม่ให้สูญเสียวิตามินและสารอาหาร ควรผัดหรือต้มให้สุกพอดี ยังกรอบอยู่บ้าง
ข้อควรระวังในการทานผักเคล
แม้ผักเคลจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ
1. ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
เนื่องจากผักเคลมีวิตามิน K สูงมาก ซึ่งช่วยให้เลือดแข็งตัวได้ดี อาจรบกวนฤทธิ์ของยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Warfarin ดังนั้น
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานผักเคลเป็นประจำ
- หรือทานในปริมาณที่คงที่ไม่มากจนเกินไป
2. ผู้ที่มีปัญหาต่อมไทรอยด์
ผักเคลมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) ที่อาจรบกวนการทำงานของต่อมไทรอยด์หากทานมากเกินไป โดยเฉพาะทานดิบ ดังนั้น
- ผู้ที่มีปัญหาไทรอยด์ควรปรุงให้สุกก่อนทาน
- การปรุงด้วยความร้อนจะช่วยลดสารกอยโตรเจนลง
- ไม่ควรทานมากเกินไป ควรทานในปริมาณพอเหมาะ
3. ผู้ที่มีปัญหานิ่วในไต
ผักเคลมีออกซาเลต (Oxalate) ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไต โดยเฉพาะในผู้ที่เคยมีประวัตินิ่ว ดังนั้น
- ไม่ควรทานมากเกินไป
- ควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพื่อช่วยขับออกซาเลตออกจากร่างกาย
- ปรึกษาแพทย์ก่อนทานเป็นประจำ
4. ปริมาณที่เหมาะสม
แม้ผักเคลจะดีต่อสุขภาพ แต่การทานน้อยๆ ได้ประโยชน์ ทานมากเกินไปอาจเกิดโทษ ปริมาณที่แนะนำคือ
- ทานวันละ 1-2 กำมือ (ประมาณ 50-100 กรัม)
- หมุนเวียนทานกับผักชนิดอื่นๆ เพื่อความสมดุล
- ฟังร่างกาย หากรู้สึกไม่สบายควรลดปริมาณ
ผลิตภัณฑ์จากผักเคลที่น่าสนใจ
นอกจากผักเคลสดแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผักเคลที่ช่วยให้ทานง่ายขึ้น เช่น
1. ผงผักเคล (Kale Powder)
ผงผักเคลเป็นผักเคลที่นำมาทำให้แห้งและบดเป็นผง ใช้งานสะดวก เพียงผสมกับน้ำ นม หรือสมูทตี้ก็ได้ประโยชน์จากผักเคลแล้ว เหมาะสำหรับคนที่
- ไม่มีเวลาเตรียมผักเคลสด
- ต้องการทานผักเคลทุกวันแต่หาผักสดยาก
- ชอบดื่มเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
- ต้องการเก็บไว้ได้นาน
2. บะหมี่ผักเคล (Kale Noodles)
เส้นบะหมี่ที่ผสมผงผักเคล มีสีเขียวสวยงาม อุดมไปด้วยไฟเบอร์และคุณค่าจากผักเคล เหมาะสำหรับคนที่อยากทานอาหารคลีนแต่ยังอยากทานเส้น
3. ผักเคลแช่แข็ง (Frozen Kale)
ผักเคลแช่แข็งช่วยให้เก็บได้นาน ใช้งานสะดวก ไม่ต้องกังวลเรื่องผักเสีย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสต็อกไว้ใช้
ผักเคลเปรียบเทียบกับซูเปอร์ฟู้ดอื่นๆ
มาดูกันว่าผักเคลเทียบกับซูเปอร์ฟู้ดยอดนิยมอื่นๆ ต่างกันอย่างไร
| คุณค่า | ผักเคล | ผักโขม | บรอกโคลี |
|---|---|---|---|
| แคลอรี่ (ต่อ 100 กรัม) | 33 | 23 | 34 |
| วิตามิน K | สูงที่สุด | สูง | ปานกลาง |
| วิตามิน C | สูงมาก | ปานกลาง | สูง |
| ธาตุเหล็ก | สูงมาก | สูง | ปานกลาง |
| แคลเซียม | สูงมาก | สูง | ปานกลาง |
| ไฟเบอร์ | 4.7 กรัม | 2.2 กรัม | 2.6 กรัม |
จะเห็นได้ว่าผักเคลให้คุณค่าทางโภชนาการที่ดีเยี่ยมกว่าผักใบเขียวอื่นๆ จึงสมควรได้รับฉายาว่า “ราชินีแห่งผักใบเขียว” อย่างแท้จริง
ผักเคลกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอื่นๆ
สำหรับคนที่ชอบดูแลสุขภาพด้วยเครื่องดื่ม การรวมผักเคลกับซูเปอร์ฟู้ดอื่นๆ จะช่วยเพิ่มประโยชน์ได้มากขึ้น
ผักเคล + มัทฉะ (Matcha)
การผสมผักเคลกับมัทฉะจะได้เครื่องดื่มที่อุดมไปด้วย
- สารต้านอนุมูลอิสระสูงสุดจากทั้งสองตัว
- คาเฟอีนธรรมชาติจากมัทฉะที่ช่วยให้ตื่นตัวอย่างไม่วิตกกังวล
- คลอโรฟิลล์จากทั้งผักเคลและมัทฉะช่วยดีท็อกซ์
- L-theanineจากมัทฉะช่วยผ่อนคลายและเพิ่มสมาธิ
สูตร: ผักเคล 1 กำมือ + มัทฉะ 1 ช้อนชา + กล้วยหอม + น้ำผึ้ง ปั่นรวมกัน
ผักเคล + ผงคาเคา (Cacao Powder)
สำหรับคนที่ชอบรสชาติช็อกโกแลต การผสมผงคาเคากับผักเคลจะได้
- แมกนีเซียมสูงจากคาเคาช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- สารต้านอนุมูลอิสระจากทั้งสองตัว
- ธาตุเหล็กสูงจากทั้งผักเคลและคาเคา
- รสชาติหวานขมลงตัวดื่มง่าย
สูตร: ผักเคล 1 กำมือ + ผงคาเคา 1-2 ช้อนโต๊ะ + กล้วยหอม + นมอัลมอนด์ ปั่นรวมกัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับผักเคล
ผักเคลและคะน้าเหมือนกันหรือเปล่า?
ไม่เหมือนกันครับ แม้จะอยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่ผักเคลมีใบหยักเป็นลอนมากกว่า และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าผักคะน้าทั่วไป โดยเฉพาะวิตามิน K, วิตามิน C, และสารต้านอนุมูลอิสระ
ผักเคลกินทุกวันได้ไหม?
ได้ครับ แต่ควรทานในปริมาณพอเหมาะ วันละ 1-2 กำมือ (ประมาณ 50-100 กรัม) และควรหมุนเวียนทานกับผักชนิดอื่นๆ ด้วย เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลาย
ผักเคลทำให้อ้วนไหม?
ไม่ครับ ผักเคลมีแคลอรี่ต่ำมาก เพียง 33 กิโลแคลอรี่ต่อ 100 กรัม แถมยังมีไฟเบอร์สูงช่วยให้อิ่มนาน จึงเป็นผักที่เหมาะมากสำหรับคนลดน้ำหนัก
ผักเคลมีรสชาติขมไหม?
ขมเล็กน้อยครับ โดยเฉพาะสายพันธุ์ Curly Kale ที่มีก้านแข็ง แต่สามารถลดความขมได้โดย
- นวดใบผักด้วยน้ำมะนาวก่อนทำสลัด
- ผสมกับผลไม้หวานๆเวลาปั่นน้ำ
- เลือกสายพันธุ์ Lacinato Kaleที่หวานกว่า
- ปรุงให้สุกจะช่วยลดความขม
ผักเคลเก็บในตู้เย็นได้กี่วัน?
หากห่อด้วยกระดาษชุบน้ำแล้วใส่ถุงพลาสติกเก็บในช่องผัก สามารถเก็บได้ประมาณ 3-5 วัน แต่ควรทานให้เร็วที่สุดเพื่อได้คุณค่าเต็มที่ หรือจะแช่แข็งเก็บได้นานหลายเดือน
ผักเคลราคาแพงไหม? หาซื้อได้ที่ไหน?
ในประเทศไทย ผักเคลมีราคาประมาณ 200-300 บาทต่อกิโลกรัม ซื้อได้ที่
- ตลาดสดสายสุขภาพ
- ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ (โลตัส บิ๊กซี ท็อปส์)
- ตลาดออนไลน์เช่น Shopee, Lazada
- ร้านผักออร์แกนิก
ทานผักเคลกับอะไรถึงจะดูดซึมได้ดี?
ควรทานผักเคลร่วมกับ
- อาหารที่มีไขมันดีเช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่ว จะช่วยดูดซึมวิตามิน A, E, K ได้ดีขึ้น
- อาหารที่มีวิตามิน Cเช่น ส้ม มะนาว จะช่วยดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงทานพร้อมชา กาแฟทันที เพราะจะรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็ก
ผักเคลเหมาะกับใครบ้าง?
ผักเคลเหมาะกับ
- คนรักสุขภาพที่ต้องการซูเปอร์ฟู้ด
- คนลดน้ำหนักต้องการอาหารแคลอรี่ต่ำ
- คนทานมังสวิรัติต้องการโปรตีนและธาตุเหล็กจากพืช
- ผู้สูงอายุต้องการบำรุงกระดูกและหัวใจ
- เด็กและวัยรุ่นต้องการสารอาหารครบถ้วน
- คนที่มีคอเลสเตอรอลสูง
- ผู้ที่ต้องการดีท็อกซ์
สรุป: ทำไมควรทานผักเคล?
ผักเคลคือซูเปอร์ฟู้ดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุดในบรรดาผักใบเขียวทั้งหมด ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ได้แก่
✅ วิตามิน K สูงที่สุดในโลก – บำรุงกระดูกและเลือด ✅ ต้านมะเร็ง – ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ✅ วิตามิน C สูงกว่าส้ม – เสริมภูมิคุ้มกัน ✅ ช่วยลดน้ำหนัก – แคลอรี่ต่ำ ไฟเบอร์สูง ✅ ลดคอเลสเตอรอล – ดีต่อหัวใจ ✅ บำรุงกระดูกและฟัน – แคลเซียมสูงกว่านม ✅ บำรุงสายตา – มีลูทีนและซีแซนทีน ✅ ดีท็อกซ์ล้างพิษ – ช่วยขับสารพิษ ✅ บำรุงเลือด – ธาตุเหล็กสูง ✅ ลดการอักเสบ – มีโอเมก้า 3 ✅ เสริมภูมิคุ้มกัน – ป้องกันโรค ✅ ควบคุมน้ำตาล – GI ต่ำ
การเพิ่มผักเคลเข้าไปในอาหารประจำวันของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการทำสลัด ปั่นน้ำ หรือปรุงอาหาร จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมหาศาล และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับสุขภาพในระยะยาว
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอื่นๆ ที่สามารถเสริมประโยชน์จากผักเคลได้ แนะนำให้ลองผสมผักเคลกับมัทฉะออร์แกนิก Llamito หรือผงคาเคาดิบ ที่มีคุณภาพสูงและได้รับการรับรองมาตรฐาน อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายสม่ำเสมอนะครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
- องค์การอาหารและยา (อย.)
- Healthline: 10 Health Benefits of Kale
- Medical News Today: What to know about kale